กลุ่มกาซและฝุ่นหดตัวจากแรงโน้มถ่วงจนมีพลังงานจลน์
ความหนาแน่นและความร้อนสูงมาก เมื่ออุณหภูมิมากกว่าล้านองศาเซลเซียส
จะเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เปลี่ยนธาตุเบากลายเป็นธาตุหนักที่ใจกลาง ถ้าดาวมีความดันภายในสูงสมดุลย์กับแรงโน้มถ่วง ดาวมีขนาดคงที่จัดเป็นดาวในพวกขบวนใหญ่(Main
Sequence) เมื่อธาตุเบาเปลี่ยนเป็นธาตุหนักที่ใจกลางหมด
ภายในจะยุบตัว ส่งความร้อนให้ผิวนอกขยายตัวเป็นดาวยักษ์แดง (Red Giant
Star) ใจกลางร้อนเปลี่ยนธาตุหนักให้หนักยิ่งขึ้น
ถ้าดาวมีมวลน้อยเปลี่ยนได้ธาตุคาร์บอนจะไม่เปลี่ยนเป็นธาตุหนักขึ้นเป็นดาวแคระขาว(White
Dwraf Star) มีมวล 1-1.5
เท่าของดวงอาทิตย์
ซึ่งต่อไปจะคายพลังงานออกจากตัวเปลี่ยนสีจนเป็นดาวแคระแดงและมืดไปในที่สุด ดาวที่มีมวล1.5-3
เท่าขA giant Hubble mosaic of the Crab Nebula, a supernova remnantองดวงอาทิตย์
จะเปลี่ยนธาตุให้หนักยิ่งขึ้นจนกระทั่งได้ธาตุเหล็กที่ใจกลางซึ่งดูดพลังงานไว้จะทำให้เกิดการระเบิดเป็นมหานวดารา
( Supernova ) และมีนิวตริโน
( Neutrino ) อนุภาคสะเทินขนาดเล็กที่ไร้มวลหลุดออกมาในอวกาศ ส่วนแกนกลางจะยุบตัวเล็กลงเป็นดาวนิวตรอน ( Neutron Star )ที่อิเลกตรอนไม่โคจรรอบนิวเคลียสแต่เข้าไปอยู่รวมกับโปรตอน
ดาวนิวตรอนมีขนาดราว 10
กิโลเมตร หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูงมาก และมีสนามแม่เหล็กที่เข้มมาก
ส่งอนุภาคพลังงานสูงหลุดออกมาตามขั้วแม่เหล็ก คายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ที่รับคลื่นวิทยุได้เป็นช่วงๆด้วยคาบสั้นมากที่เรียกว่าพัลซาร์ ( Pulsar)
ถ้าดาวมีมวลมากกว่า 3 เท่าของดวงอาทิตย์ แรงโน้มถ่วงจะมากจนเกิดการหดตัวต่อไป ในที่สุดแสงก็หลุดจากตัวดาวไม่ได้
เรียกสภาพนี้ว่าหลุมดำ ( black
hole) หากหลุมดำเป็นดาวคู่กับดาวยักษ์
ระบบนี้มีการโคจรร่วมศูนย์กลางของมวลเดียวกัน ชิ้นส่วนของดาวยักษ์ถูกหลุมดำดึงดูดตกไปหมุนวนรอบปากหลุม
เกิดการคายคลื่นพลังงานสูงให้ค้นพบหลุมดำได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น